วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หลักการของการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับงานอาชีพ ในระดับประถมศึกษา


ในการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับงานอาชีพสำหรับผู้เรียนในระดับประถมศึกษา ครูควรยึดหลักการดังต่อไปนี้
1.       หลักการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์ของการเรียนรู้  ในการกำหนดเนื้อหาที่จะเรียนควรกำหนดให้สอดคล้องกับหลักสูตรและบริบทของผู้เรียนเป็นสำคัญ  เนื่องจากผู้เรียนจะต้องได้รับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้มีความรู้ตามตัวชี้วัดของหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ในขณะเดียวกันกับที่ครูจะต้องคำนึงถึงการเตรียมผู้เรียนให้รู้จักตนเองภายใต้บริบทของผู้เรียนแต่ละคน  ดังนั้นในการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์ของการเรียนรู้แต่ละบทเรียนควรกำหนดไว้ตามลำดับ ของขั้นตอนในการการเรียนรู้  โดยกำหนดเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียนและกำหนดเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมมีลำดับขั้นตอนของความรู้ให้ต่อเนื่องกันไป ที่สำคัญควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและรับรู้ในการกำหนดจุดประสงค์ของการเรียนรู้ในทุก ๆ บทเรียน
2.       หลักการสร้างแรงจูงใจ การสร้างแรงจูงใจเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจอยากเรียนรู้สิงที่ครูกำลังจะนำเสนอหรือจัดประสบการณ์การเรียนรู้  สำหรับการสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้งานอาชีพ ครูควรใช้กรณีตัวอย่างความสำเร็จของบุคคลในการประกอบอาชีพแขนงที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่ครูจะจัดการเรียนรู้  มาใช้เป็นตัวอย่างให้นักเรียนพิจารณาแล้วกระตุ้นด้วยการใช้คำถามตัวอย่างเช่น  นักเรียนอยากทราบวิธีการที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จหรือไม่  หรือสอบถามนักเรียนว่าอยากทราบหรือไม่ว่าการประกอบอาชีพที่ของบุคคลที่ครูยกตัวอย่างนั้นต้องทำอะไรบ้าง  เป็นต้น
3.       หลักการจัดกิจกรรมที่เหมาะกับความพร้อมและบริบทของผู้เรียน  ในการพิจารณาว่าจะจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบใดกับนักเรียนที่ครูต้องรับผิดชอบนั้น  หลักสำคัญคือ ต้องคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียน  กล่าวคือ ความพร้อมทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ สังคมของผู้เรียน ได้แก่ ความรู้พื้นฐานเดิม ความสามารถในการรับรู้และเรียนรู้  ความสามารถในการทำงานกลุ่มหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น  ความสามารถในการสืบค้นข้อมูล  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่ครูต้องคำนึงถึงและนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลือกวิธีการจัดประสบการณ์เรียนรู้แก่ผู้เรียนให้เหมาะสม  ในกรณีผู้เรียนระดับประถมศึกษาที่อยู่ในเมือง มีเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายที่สมบูรณ์ ผู้เรียนมีความสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการสืบค้นข้อมูล ครูอาจจัดประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้การสอนบนเครือข่าย ให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูลหรือเรียนรู้ผ่านระบบอินเตอร์เนต  ส่วนผู้เรียนที่อยู่ในชนบทไม่มีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลครูควรพิจารณาใช้วิธีการจัดประสบการณ์เรียนรู้อื่น เช่น ใช้การเรียนแบบร่วมมือ แล้วการค้นคว้าในห้องสมุด หรือเก็บข้อมูลจากชาวบ้านที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น
4.       หลักการใช้แหล่งวิทยาการ  ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้การงานอาชีพ ครูจะต้องจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน  กิจกรรมที่จะขาดมิได้ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้การงานอาชีพคือ  การเรียนรู้ในสถานประกอบการณ์ ซึ่งครูจะต้องพิจารณาเลือกแหล่งเรียนรู้ที่จะใช้เป็นแหล่งวิทยาการสำหรับผู้เรียนของตนให้เหมาะสม  โดยพิจารณาทั้งบุคคลที่จะเป็นวิทยากรและสภาพสิ่งแวดล้อมที่จะเอื้อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนให้มากที่สุด  แหล่งวิทยาการที่ครูควรพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ แหล่งวิทยาการที่อยู่ในท้องถิ่น ในบริเวณใกล้กับโรงเรียน เช่น บริเวณโรงเรียน ชุมชน  ร้านค้า  สถานีอนามัย  สถานีตำรวจ โรงงานอุตสาหกรรม แหล่งเกษตรกรรม เช่น สวนหรือไร่นา ที่อยู่ใกล้โรงเรียน เป็นต้น
          จึงสรุปได้ว่าในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้การงานอาชีพ ในระดับประถมศึกษานั้น ครูควรยึด
หลักการสำคัญ 4 ประการ คือ หลักการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้  หลักการสร้างแรงจูงใจ  หลักจัดกิจกรรมที่เหมาะกับความพร้อมและบริบทของผู้เรียน  และหลักการใช้แหล่งวิทยาการ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนเป็นสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น