ในการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับงานอาชีพสำหรับผู้เรียนในระดับประถมศึกษา
ครูควรยึดหลักการดังต่อไปนี้
1.
หลักการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์ของการเรียนรู้ ในการกำหนดเนื้อหาที่จะเรียนควรกำหนดให้สอดคล้องกับหลักสูตรและบริบทของผู้เรียนเป็นสำคัญ
เนื่องจากผู้เรียนจะต้องได้รับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้มีความรู้ตามตัวชี้วัดของหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
ในขณะเดียวกันกับที่ครูจะต้องคำนึงถึงการเตรียมผู้เรียนให้รู้จักตนเองภายใต้บริบทของผู้เรียนแต่ละคน ดังนั้นในการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์ของการเรียนรู้แต่ละบทเรียนควรกำหนดไว้ตามลำดับ
ของขั้นตอนในการการเรียนรู้
โดยกำหนดเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียนและกำหนดเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมมีลำดับขั้นตอนของความรู้ให้ต่อเนื่องกันไป
ที่สำคัญควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและรับรู้ในการกำหนดจุดประสงค์ของการเรียนรู้ในทุก
ๆ บทเรียน
2.
หลักการสร้างแรงจูงใจ การสร้างแรงจูงใจเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจอยากเรียนรู้สิงที่ครูกำลังจะนำเสนอหรือจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สำหรับการสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้งานอาชีพ
ครูควรใช้กรณีตัวอย่างความสำเร็จของบุคคลในการประกอบอาชีพแขนงที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่ครูจะจัดการเรียนรู้
มาใช้เป็นตัวอย่างให้นักเรียนพิจารณาแล้วกระตุ้นด้วยการใช้คำถามตัวอย่างเช่น
นักเรียนอยากทราบวิธีการที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จหรือไม่
หรือสอบถามนักเรียนว่าอยากทราบหรือไม่ว่าการประกอบอาชีพที่ของบุคคลที่ครูยกตัวอย่างนั้นต้องทำอะไรบ้าง เป็นต้น
3.
หลักการจัดกิจกรรมที่เหมาะกับความพร้อมและบริบทของผู้เรียน ในการพิจารณาว่าจะจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบใดกับนักเรียนที่ครูต้องรับผิดชอบนั้น หลักสำคัญคือ
ต้องคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียน
กล่าวคือ ความพร้อมทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ สังคมของผู้เรียน ได้แก่
ความรู้พื้นฐานเดิม ความสามารถในการรับรู้และเรียนรู้ ความสามารถในการทำงานกลุ่มหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ความสามารถในการสืบค้นข้อมูล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่ครูต้องคำนึงถึงและนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลือกวิธีการจัดประสบการณ์เรียนรู้แก่ผู้เรียนให้เหมาะสม
ในกรณีผู้เรียนระดับประถมศึกษาที่อยู่ในเมือง
มีเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายที่สมบูรณ์
ผู้เรียนมีความสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการสืบค้นข้อมูล
ครูอาจจัดประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้การสอนบนเครือข่าย
ให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูลหรือเรียนรู้ผ่านระบบอินเตอร์เนต ส่วนผู้เรียนที่อยู่ในชนบทไม่มีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลครูควรพิจารณาใช้วิธีการจัดประสบการณ์เรียนรู้อื่น
เช่น ใช้การเรียนแบบร่วมมือ แล้วการค้นคว้าในห้องสมุด
หรือเก็บข้อมูลจากชาวบ้านที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น
4.
หลักการใช้แหล่งวิทยาการ ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้การงานอาชีพ ครูจะต้องจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
กิจกรรมที่จะขาดมิได้ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้การงานอาชีพคือ การเรียนรู้ในสถานประกอบการณ์
ซึ่งครูจะต้องพิจารณาเลือกแหล่งเรียนรู้ที่จะใช้เป็นแหล่งวิทยาการสำหรับผู้เรียนของตนให้เหมาะสม
โดยพิจารณาทั้งบุคคลที่จะเป็นวิทยากรและสภาพสิ่งแวดล้อมที่จะเอื้อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนให้มากที่สุด แหล่งวิทยาการที่ครูควรพิจารณาเป็นอันดับแรก
คือ แหล่งวิทยาการที่อยู่ในท้องถิ่น ในบริเวณใกล้กับโรงเรียน เช่น บริเวณโรงเรียน
ชุมชน ร้านค้า สถานีอนามัย
สถานีตำรวจ โรงงานอุตสาหกรรม แหล่งเกษตรกรรม เช่น สวนหรือไร่นา
ที่อยู่ใกล้โรงเรียน เป็นต้น
จึงสรุปได้ว่าในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้การงานอาชีพ
ในระดับประถมศึกษานั้น ครูควรยึด
หลักการสำคัญ
4 ประการ คือ หลักการกำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ หลักการสร้างแรงจูงใจ
หลักจัดกิจกรรมที่เหมาะกับความพร้อมและบริบทของผู้เรียน และหลักการใช้แหล่งวิทยาการ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนเป็นสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น